อาจจะดูเหมือนเป็นคนเรื่องมากนะ แต่เห็นเราไม่มีงานประจำแบบนี้ เราก็ยังมีรายได้จากการทำงาน ฟรีแล้นซ์นะเออ..
ด้วยนิสัยส่วนตัวที่เป็นคนชอบเที่ยวคนเดียวมาแต่ไหนแต่ไรแล้วตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย เราเป็นผู้หญิงลุยๆง่ายๆไปไหนไปกันได้หมดไม่เจ้าสำอางมากแต่ก็รักสวยรักงามพอประมาณ ...เมื่อเที่ยวแล้วมีความสุขเราก็อยากจะแบ่งปันความสุขให้กับคนอื่นๆบ้าง โดยการมาเขียนบล็อกเขียนเอ็นทรีให้คนติดตาม ตอนแรกก็เขียนเล่นๆแหละนะ ไม่ได้หวังว่าจะมีใครมาติดตามเป็นเรื่องเป็นราวหรอก แต่ปรากฏว่า พองานเขียนของเราถูกเผยแพร่ออกไปในวงกว้าง เราก็กลายเป็นที่รู้จักในหมู่นักเที่ยวซะอย่างนั้น กลับกลายเป็นว่า งานของเราดันโดนใจคนส่วนใหญ่เฉยเลย... จากนั้นก็เริ่มมีรายได้เข้ามา
ดังนั้นเราก็เลยกลายเป็นบล็อกเกอร์น่ะ.. อืม..เป็นประมาณว่าเขียนรีวิวสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆลงในเพจส่วนตัวให้คนเขาเข้ามาอ่านกัน พอคนอ่านเยอะเขาก็จะไปเที่ยวตามเรา จากนั้นก็จะมีโฆษณาเข้ามา เราก็หารายได้จากตรงนั้นแหละส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งที่เป็นรายรับก็คือ มีคนจ้างเราให้ไปเที่ยวแล้วรีวิวสถานที่เที่ยวให้เขา เรียกได้ว่าถูกใจเรามากเลยงานแบบนี้ ทั้งได้เคลื่อนไหวไปมาแถมยังได้เงินอีก งานในฝันเลย ...
แต่พอนานๆไปก็ดูเหมือนว่าเราจะทำให้การเที่ยวกลายเป็นธุรกิจซะเองนะ .. เวลาเราไปเที่ยวเรามักจะต้องถ่ายรูปมุมสวยๆและประดิดประดอยคำพูดชักจูงโน้มน้าวคนอยากมาเที่ยวและมาถ่ายรูปในจุดที่เรากำลังยืนอยู่นี้ ซึ่งบ้างทีนั้น เราเองก็ไม่ได้มีความรู้สึกเลยว่า ที่ที่เรากำลังเที่ยวอยู่นี้มันสนุกตรงไหนกัน ... ที่เรามาอยู่ที่นี้ก็มีเพียงเหตุผลเดียวก็คือ เงิน ...
จนวันหนึ่งเราเริ่มจะรู้สึกแล้วว่าจิตวิญญาณในฐานะนักท่องเที่ยวของเรามันเริ่มจะจางหายไป ... ไม่ได้ๆ เราจะไม่ปล่อยให้เป็นเช่นนั้นแน่ๆ
ดังนั้นเราจึงหยุดรับงานเขียนทุกงานแล้วตัดสินใจออกท่องเที่ยวไปในแบบที่เราเคยทำเมื่อสมัยเรียน มหาวิทยาลัย
เมื่อคิดได้และตัดสินใจดังนั้นลงไปแล้ว เราจึงจองตั๋วเครื่องบิน แพ็คกระเป๋าและเดินทางไปที่จังหวัดทางภาคเหนือทันที ... เราเป็นคนแบบนี้แหละ เวลาตัดสินใจอะไรลงไปแล้วมักจะทำมันอย่างรวดเร็วเลย มิเช่นนั้นหากปล่อยไว้นานเราอาจจะเปลี่ยนใจได้
ณ ภูเขาแห่งหนึ่ง มันเป็นสถานที่ที่สวยงามอากาศหนาวเย็นกำลังดี มีทิวทัศน์งดงามผิดกับเมืองหลวง เหล่าสัตว์ป่าวิ่งไปมาดูเป็นธรรมชาติแม้จะมีอาคารขึ้นเป็นย่อมๆ พื้นที่ในเขตนี้ยังไม่ใช่อุทยานแห่งชาติ แต่เราก็คิดว่าอีกนานหรอก คงจะได้เป็นแน่ๆ เจ้าหน้าที่ของที่นี้ทำหน้าที่กันอย่างดีทุกคน น่ารักอัธยาศัยดี ตอนที่เราขึ้นมาถึงเขาให้ข้อมูลเกี่ยวกับที่นี้เยอะมากเลย
เราเลือกขึ้นไปที่ระดับสองซึ่งเป็นพื้นที่กางเต็นท์ใกล้ๆกับเนินเขา ตอนเช้าจะได้มองเห็นวิวที่สวยงาม แถมยังสะดวกต่อการขึ้นไปที่ระดับสามซึ่งเป็นยอดเขาอีกด้วย แน่นอนว่าผู้หญิงขาลุยอย่างเราก็ต้องเลือกที่จะเดินขึ้นไปแทนที่จะนั่งรถโดยสารอยู่แล้ว ...
“ขอบคุณค่ะ..ขอเช่าเต็นท์หนึ่งหลังนะคะ...” นั่นเป็นสิ่งที่เราลืมพกติดตัวมาด้วย เนื่องจากการตัดสินใจที่รวดเร็ว
“อ่า..คือว่า..” เจ้าหน้าที่ทำหน้าตาผิดหวังเลิกน้อยพร้อมทั้งหันไปซุบซิบอะไรกันอยู่สองคน ก่อนที่จะหันกลับมาพยายามจะบอกเราถึงเรื่องที่เขาลำบากใจ “มีคนจองเต็นท์หมดแล้วน่ะครับ...ต้องขอโทษด้วยนะครับ...”
เวรกรรมแล้วอย่างนี้จะไปนอนที่ไหนกันล่ะเนี้ย..... ความประมาทเพียงเล็กน้อยจะทำให้เราต้องซวยซะแล้วสิ จะให้ลงไปนอนโรงแรมในเมืองมันก็ยังไงอยู่อุตส่าห์ขึ้นมาถึงที่นี้แล้วด้วย
เรายิ้มให้เจ้าหน้าที่ก่อนที่จะแสร้งเดินออกมาทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไร แต่ในใจนั้นคิดแก้ปัญหาไม่ตกเลยจริงๆ จะทำยังไงดีเนี้ย นอนตากน้ำค้างก็คงไม่ได้ ถ้าทำอย่างนั้นได้หนาวตายแน่ๆ จะเอาใบไม้มากระโจมเป็นซุ้มนอนก็กลับจะโดนจับข้อหาทำลายป่าไม้ก่อน ...
“เบล...เบลใช่ไหม!?...” เสียงทุ้มของผู้ชายคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาในขณะที่เรากำลังครุ่นคิดหาทางออก ... ไม่อยากเจอคนรู้จักตอนนี้เลยแหะ อันที่จริงแล้วที่ออกมาเที่ยวแบบนี้ก็เพราะว่าอยากมาคนเดียวนี้แหละ แต่เอาเถอะ บางทีคนที่ทักเราอาจจะช่วยเราได้ก็ได้นะ ... เราหันกลับไปมองแล้วก็โบกมือให้เขา ยังไม่ทันเห็นหน้าชัดๆจึงยังระบุไม่ได้ว่าเป็นใคร...
พอเข้ามาใกล้เท่านั้นแหละ ... เราได้แต่ถามในใจว่า ทำไมต้องเป็นไอ้หมอนี้ด้วย ....
มันชื่อ กาย ...เพื่อนสมัย ม ต้น ของเรา ..ไม่ได้เจอกันมาตั้งแต่จบ ม ต้น นั่นแหละ ... เท่าที่จำได้เราไม่ชอบไอ้หมอนี้เลย ถึงมันจะเรียนเก่งและบ้านมีฐานะ แต่มันเป็นคนขี้อวดขี้เบ่งชอบล้อเลียนและข่มเหงเพื่อนที่อ่อนแอกว่าประจำ .. รู้สึกว่าเราเองก็เคยถูกมันแกล้งเหมือนกันนะ ... แต่คิดในแง่ดี ไอ้นี้มันรวยมันอาจจะเอารถยนต์มาด้วย เราอาจจะขอร้องให้มันพาลงไปซื้อเต็นท์ในเมืองแล้วพากลับขึ้นมาก็ได้นะ ...
“อ้าวแก..เป็นไงบ้าง..กาย...ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ...” เรายิ้มทักทายและพยายามทำตัวให้มีเสน่ห์ที่สุดโดยการปล่อยผมออกให้ตกลงมาถึงไหล่ – เทคนิคนี้เราใช้ประจำเวลาจะขอร้องหนุ่มๆให้ช่วยอะไร เจอไม้นี้เข้าไปเชื่อสิเสร็จทุกราย
“โห..จำได้ด้วย...ฮ่าๆ..แกเปลี่ยนไปเยอะเลยนะเนี้ยเบลล่า..สวยขึ้นเยอะเลย...” ใครๆก็มักจะพูดแบบนี้กับคนที่ไม่ได้เจอกันมานานเสมอแหละ ดังนั้นเราจึงไม่ถือว่านี้เป็นคำชมที่ออกมาจากใจ “มากับแฟนเหรอ..”
“เปล่าจ้า...เรามาคนเดียวอ่ะ...กายล่ะ.มากับใครหรือเปล่า?..กับ..ชิต..เอ่อ..บอส?..” ชิตกับบอส คือลูกไล่ลิ่วล้อของ กาย สมัยเรียน ม ต้น ทั้งสองตัวใหญ่แข็งแรงและมีนิสัยเป็นคนพาลเหมือนกายคนเป็นนายไม่มีผิด..
“เราก็มาคนเดียว..สองคนนั้นยังเรียนไม่จบมหาลัยเลย ฮ่าๆ...เออ.. ดีใจหว่ะได้เจอเพื่อนบนนี้ด้วย...”
“เออ..เราก็ดีใจ...ว่าแต่แกขึ้นมาบนนี้ยังไงเหรอ?” เข้าประเด็นอย่างรวดเร็ว เราไม่อยากจะคุยกับไอ้นี้นานเดี๋ยวมันโม้เรื่องบ้านเรื่องงานให้ฟังอีก ขี้เกียจฟังน่าเบื่อน่ารำคาญ...
“รถประจำทางน่ะ...” คำตอบของ กาย ทำเอาเราอยากจะแทรกแผ่นดินแล้วหนีมันไปให้พ้นเลย... จะบ้าตาย ... หาที่นอนไม่ได้ แถมยังจะต้องมาติดพันกับไอ้หมอนี้ด้วย .. พนันได้เลยว่ามันจะต้องแกล้งทำดีกับเราทั้งทริปแน่นอน ไอ้นี้มันลิ้นทองพูดประจบสอพอหาเพื่อนเก่ง ลองลงไปจากดอยแล้วสิ รับรองไม่มีเห็นหัวกันแน่นอน...
“อ่อ...เหนื่อยน่าดูเนอะ... ถึงนานยังล่ะ...” อันนี้ถามไปงั้นแหละ ไม่ได้อยากรู้แล้ว ...
จบกันทริปอินดี้ตามใจฉันย้อนคืนวันวานที่ฝันหา ... ดันมาเจอไอ้คนพรรค์นี้ในเวลาแบบนี้อีก ...
“ไปหาอะไรกินกันไหม?...” กายเริ่มเอ่ยชวน
“เราอิ่มแล้วแก” เราปฏิเสธทันขวับแบบไม่ต้องคิดอะไรเลย
“น่ะแก..กาแฟก็ยังดีเดี๋ยวเราเลี้ยงเอง...” กาย คว้าแขนเราแล้วดึงเข้าไปหา แบบถือวิสาสะสุดๆ ความจริงเราเป็นคนที่ถือเนื้อถือตัวมากนะ ไม่ชอบให้คนไม่รู้จักมาต้องตัวแบบนี้น่ะ ... แต่จะโวยวายออกไปก็ใช่ที เพราะ เรายังอาจจะต้องพึ่งมันอีก
“กะ..ก็ได้...”
กาย เช่าจักรยานจากเจ้าหน้าที่ และให้ เรา ปั่น ...อ่านไม่ผิดหรอก มันให้เราปั่น ... ไปที่ร้านกาแฟซึ่งอยู่ห่างไปประมาณ 500 เมตร ฟังดูไม่ไกลนะ แต่พอต้องปั่นในสภาพอากาศที่หนาวและพื้นแบบเอียงขึ้นเขาแล้ว ให้ตายเถอะ น่องแทบระเบิด ... ส่วนไอ้กายอ่ะเหรอ .. เหอะ ... มันก็กำลังสนุกกับการถ่ายภาพอยู่ไง ... คนแบบนี้อยากรู้จริงๆเลยใครจะเอาทำผัว
เมื่อมาถึงร้านกาแฟ เราก็สั่งแบบจัดหนักเลย ไม่เกรงใจแม่งแล้วจังหวะนี้ เค้กกาแฟแพงๆจัดเต็ม ซึ่งก็ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นปัญหากับไอ้กายเลย หมอนี้นั่งหัวเราะแถมสั่งแพงกว่ามาเกทับอีก เกิดเป็นคนรวยนี้มันน่าอิจฉาจริงๆเลยนะ – มันเคยโม้ให้ฟังอยู่หลายครั้งว่าบ้านทำอะไร แต่เราไม่เคยจำไม่สนใจไม่สำคัญ ... แต่สุดท้ายแล้ว ก็หนีไม่พ้นต้องนั่งฟังมันโม้อยู่ดี
“เนี้ยเราพึ่งกลับมาจากสหรัฐ --...”
“เราได้ทุนกินเปล่าที่มีคนได้เพียง 6 คนเท่านั้นทั่วโลก...---”
บลาๆๆๆๆๆ พล่ามๆๆๆๆๆ จับใจความได้แต่ ... เอ็งเป็นผู้วิเศษที่สุดในโลกสินะ ...อืม นั่นสินะ ที่อยากจะบอกให้ฟัง เยี่ยมเลยค่ะ รับรู้แล้ว เย้ ดีใจด้วยนะ ...
แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เราละจากความเบื่อหน่ายในคำพูดโอ้อวดของมันได้ก็คือ ... กล้องราคาแพงที่ยังไม่มีขายในประเทศไทย ที่มันเอาออกมาโชว์ ..
“ถ่ายสวยป่ะแก...” เราซึ่งชอบถ่ายภาพอยู่แล้วตาลุกวาวขึ้นมาทันที
กาย ยิ้มแบบมีเล่ห์ “งั้นยิ้มหน่อย.แล้วก็.ถอดเสื้อกันหนาวออกด้วยนะ...” พูดจบกายก็ยกกล้องขึ้นส่องทันที ..
หึหึ กะจะเล่นทีเผลอเหรอจ๊ะ เจ้าประเมินข้าต่ำไปแล้ว ... ผู้หญิงอย่างเรามีประสาทสัมผัสในการแอ็คท่าถ่ายรูปไวกว่าผู้ชายเป็นล้านๆเท่าอยู่แล้ว ... แม้ลมหนาวๆที่พัดผ่านไหลเปลือยเปล่าของเราไป ก็มิอาจจะหักห้ามใจที่พร้อมจะถ่ายรูปได้
ถ่ายเสร็จมันก็เอามาให้เราดู ... เออ สวยใช้ได้เลยแหะ ... ซักจะสนใจแล้วสิ ...
จากนั้นเราก็เริ่มมีเรื่องคุยกับมันละ... เรื่องกล้องเรื่องเที่ยวเรื่องถ่ายรูปนี้แหละ เรื่องที่เราถนัดทั้งนั้น พอคุยกันรู้เรื่องก็เริ่มคุยกันสนุก จะว่าไปคุยกับไอ้หมอนี้ก็ถูกคอกันได้เร็วเหมือนกันนี้หว่า ...
“ว่าแต่แกพักที่ไหนอ่ะ...เต็นท์ป่ะ?...” ถามได้ดีแต่คงยังไม่มีคำตอบให้หรอก .. เรายิ้มแบบเจือนๆสะเทือนเข้าไปในใจเล็กน้อยเมื่อหันกลับไปมองท้องฟ้าที่เริ่มมืดแล้ว ป่านนี้รถประจำทางลงไปที่เมืองคงจะหมดแล้วล่ะมั้ง ... ซวยเลยดันคุยเพลินจนลืมคิดเรื่องที่พัก ...
“ที่จริงเราก็อยากนอนเต็นท์แหละ...แต่เต็นท์เช่าหมดอ่ะ....” ไม่ต้องอ้อมค้อมกันอีกต่อไป ไหนดูสิว่าพ่อหนุ่มผู้เจนจัดประสบการณ์ชั้นสูงต่างๆนานาจะช่วยอะไรสาวน้อยผู้ตกยากคนนี้ได้บ้าง
“เหรอ...แย่เลยนะ...แล้วคิดไว้ยังว่าจะเอาไงน่ะ....”
เรายิ้มแล้วส่ายหน้า
“งั้น...มานอนเต็นท์เราไหม?...” เป็นคำเชิญชวนที่ไม่เหมาะสมเท่าไหร่ ..แต่ก็คงเป็นทางเลือกสุดท้ายแล้วล่ะ
“จะดีเหรอแก...” เราแกล้งทำเป็นจะปฏิเสธ ที่ความจริงในใจนั้นตอบรับไปแล้ว
“ไม่เป็นไรหรอกแก แหม... เพื่อนกันๆ ... อย่าคิดมาก..เห็นเพื่อนเดือดร้อนเราก็อยากจะช่วยน่ะ...” กาย ยื่นมือมาตบไหล่เราเบาๆ ด้วยรอยยิ้มมหาเสน่ห์ที่เริ่มจะทำให้เราหวั่นไหวซะแล้วสิ ... มองไปมองมา มันก็มีมุมน่ารักเหมือนกันนะ รอยยิ้มเล็กที่ปรากฏบนใบหน้าช่างทรงเสน่ห์เหลือเกิน
“ขอบใจนะแก..ถ้าไม่ได้แกเราแย่เลย ... ”
ถือว่าพระเจ้ายังไม่ทอดทิ้งเรา ... ส่งเทพบุตรลงมาช่วยในจังหวะที่พอดิบพอดีเป็นอย่างมาก...
หลังจากดื่มกาแฟกินเค้กกันเสร็จ – กาย ก็พาเราไปก่อกองไฟที่หน้าเต็นท์ ... เนื่องจากเวลานี้ยังไม่ใช่ช่วง ไฮซีซั่น บรรดานักท่องเที่ยวจึงยังไม่ขึ้นมาแสวงหาความสุขกัน ... ทำให้พื้นที่รอบๆนั้นค่อนข้างจะโล่ง แต่ก็ยังพอมีเต็นท์กางให้เห็นอยู่บ้าง แปลกใจจังแหะ ในเมื่อคนน้อยแล้วทำไมเต็นท์เช่าถึงหมดนะ ..ช่างเถอะ ตอนนี้ได้ที่นอนฟรีแล้ว...แล้วก็...
ทำไมเต็นท์มันเล็กจังวะ ... มันเป็นเต็นท์แบบสำหรับนอนสองคนซึ่งมีขนาดค่อนข้างแคบมากเลย ตายล่ะ นี้มันไม่ใช่แบบที่เราคิดไว้เลยนี้หว่า นึกว่าจะเป็นเต็นท์กว้างกว่านี้ ...แบบนี้มัน.. เฮ้อ..แต่ก็ทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะนะ เอาน่ะ คืนเดียว เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยหาหนทางใหม่ก็แล้วกัน...
กาย เอาเก้าอี้ออกมาให้เรานั่งรอ ให้ขณะที่เขาจุดกองไฟและเอาหม้อต้มออกมา อดสงสัยไม่ได้เลยว่าเขาขนของพวกนี้ขึ้นมาบนรถประทำทางได้อย่างไร ไม่สิ ขนมาจากเมืองหลวงเยอะขนาดนี้ไม่เหนื่อยตายหรือไง ...
เราใช้เวลาช่วงกลางคืนนั่งคุยกัน ดูดาวไปพลาง อังไฟไล่ความหนาวไปพลาง อากาศยามค่ำคืนของที่นี้ใช่เล่นเหมือนกันนะเนี้ย --- คุยไปคุยมาก็สนุกจริงๆแหละ พอทิ้งอคติที่เคยมีกับมัน แล้วตั้งใจฟังสิ่งที่มันเล่า ก็ทำให้เราได้ความรู้มาเยอะเหมือนกันนะ ... แล้วก็ทำให้เราได้รู้ด้วยว่า ที่จริงแล้ว ไอ้หมอนี้มันเป็นคนเก่งและฉลาดมากเลยทีเดียว นี้ถ้ามันเลิกนิสัยขี้โม้ขี้อวดได้นะ รับรองสาวๆเข้าหาเพิ่ม(ในกรณีที่ไม่เข้าหาเพราะเงินนะ...)
เกือบ สี่ทุ่มล่ะ น่าจะได้เวลานอนซักทีนะ เพราะว่า พรุ่งนี้ต้องตื่นตั้งแต่ตี 5 เลย เพื่อเดินทางขึ้นไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ระดับสาม ... กาย นั่งจิบชาก่อน ส่วนเราขอตัวก่อนล่ะ ...
มุดเข้ามาในเต็นท์ก็อุ่นนิดๆนะ แต่ก็ยังรู้สึกหนาวอยู่ดี ... เราเอาเสื้อที่จะใส่วันพรุ่งนี้ออกมาห่มเป็นผ้าห่มแทนก่อน ส่วนหมอนก็ใช้กระเป๋านั่นแหละ เราเป็นคนอยู่ง่ายกินง่ายไม่เรื่องมาก ดังนั้น คืนนี้แม้อุปกรณ์เครื่องนอนจะไม่พร้อมแต่มันก็จะไม่เป็นอุปสรรคในการนอนของเราอย่างแน่นอน...
ใครบอกล่ะ .... นี้มันหนาวกว่าที่คิดอีกนะเนี้ย ... หนาวจนร่างกายมันสั่นไปเองเลย แม้จะพยายามข่มตาให้หลับเพียงใดก็มิอาจทำได้.. เราหนาวจนฟันสั่นดัง กั๊ก..กั๊ก.. แล้วนะ ... บรื้อออ... หนาวโว้ยย... ชำเลืองไปข้างกลังเห็นผ้าห่มของ ไอ้กาย พับอยู่เรียบร้อยก็อยากจะหยิบมาห่มเหลือเกิน ... แต่..ไม่ได้ๆ... เราเป็นผู้รบกวนต้องให้เกียรติเขาหน่อย ..
สรุปก็ต้องทนนอนหนาวไปพักหนึ่งแหละ ... กว่า กาย จะเข้ามานอนด้วย ...
“เบล...หลับยังแก..” มันโผล่หน้าเข้ามาถาม..
“ยัง..แต่ใกล้แล้ว...แกอ่ะ..นอนกี่โมง...”
“จะนอนแล้วเนี้ย...”
มันตอบและมุดเข้ามาในเต็นท์ เรารีบตะแคงข้างหันหลังให้มันทันที ... ด้วยพื้นที่เต็นท์ที่แคบมากบวกกับการที่มันเป็นผู้ชายตัวใหญ่ ทำให้ร่างกายของเราเบียดกันแน่นสนิท ... ใจเราเต้นสั่นเลย ได้มานอนกับผู้ชายที่ไม่ใช่แฟนใกล้ขนาดนี้.. แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ... เราหมายถึง.. มันช่วยให้อบอุ่นร่างกายได้น่ะ ..อย่าคิดลึกสิ ...
แต่ถึงจะอุ่นขึ้นแล้ว แต่มันก็ยังไม่ช่วยอะไรอยู่ดี ... ยังหนาว ยังสั่นอยู่เลยแหะเรา ...แถมในใจก็รู้สึกสั่นตามขึ้นมาด้วย
“หนาวเหรอแก...ผ้าห่มมะ?...”กาย เสนอ เราก็อยากจะตอบสนองแล้วดึงเอาผ้าห่มมาครอบครองไว้กับตัวนะ..แต่เกรงใจ
“ไหวแก..ไหว...ฝันดีนะ..พรุ่งนี้ถ้าเราไม่ตื่นปลุกด้วยล่ะ...”
แล้วเราก็ข่มตานอนต่อ ... แต่...ร่างกายนั้นไม่เคยโกหก..หนาวก็คือหนาวจริง...มันสั่นเทิ้ม สั่นไม่หยุด สั่นจนเต็นท์สะเทือน
ลงท้ายแล้ว กาย มันก็ห่มผ้าคลุมให้เราเรียบร้อย .... เขินนิดๆแหะ ..
“เดี๋ยวเป็นหวัดเอานะ...” กาย กระซิบบอก...เราพยักหน้าโดยที่ไม่หันกลับไปมอง ...อุ่นๆที่แก้มเล็กน้อยด้วย...
“ขอบใจนะ...”
แต่ว่า...ผ้าห่มผืนเดียวก็เอาไม่อยู่จริงๆแหะ ... เรายังหนาวอยู่เลย...ยิ่งดึกยิ่งหนาว...
กายเองก็ท่าทางจะทนหนาวไม่ไหวเหมือนกัน ...มันสั่นมาพักหนึ่งแล้วเรารู้สึกได้เพราะว่านอนตัวติดกันอยู่ ...
“ไม่ไหวแล้วว่ะแก ...หนาวโคตรเลย...ผ้าห่มก็ไม่ไหวแหะ ...”
“อือ..ใช่...หนาว...มากๆ.....”
“แก..กอดกันป่ะ...”
“ห๊ะ!?...”
แทบจะไม่เชื่อหูตัวเองเลย ...
“เออ..นั่นแหละ..กอดกันเหอะ.ไม่ไหวแล้วว่ะ...นะ..เพื่อความอยู่รอด...”
ลังเลใจอยู่ครู่หนึ่งจึงตอบตกลงไป ... “ระวังมือด้วยล่ะแก...” เราบอก...
“อืม..กอดอย่างเดียวสัญญา..หนาวมาก ไม่มีเวลาไปคิดอะไรแบบนั้นแล้ว...”
กาย ค่อยๆสอดแขนซ้ายเข้ามาเป็นหมอนให้แทนกระเป๋า เรายกคอขึ้นก่อนที่จะหนุนลงไปบนวงแขนล่ำๆของกาย ... ขาข้างของมันขึ้นมาก่ายสะโพกเรา ส่วนแขนขวานั้นก็วางโอบลงมาบนเอว ... อุ่นดีแหะแบบนี้ ...
“แบบนี้โอเคป่ะ...” พอแนบชิดติดกันแล้ว ลมหายไอเวลาพูดของกายก็แผ่วเข้ามาที่ใบหูของเราเบาๆ
“อืม..แบบนี้นะ...ฝันดีนะแก...คงหลับไปแล้วล่ะ....”
“อืม..ฝันดี เบล...”
เหมือนทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดีแล้วนะ ... แต่ลมหายใจของกายที่รดต้นคอและใบหูของเรานั่น มันจั๊กกะจี้เหลือเกิน ..อยากจะหันไปบอกให้หายใจเบาๆหน่อยก็เกร็งใจ เข้าใจว่าอยู่ที่สูงแบบนี้แล้วมันหายใจลำบาก ...
อย่างไรเสีย ... กายห่มกาย ก็มิอาจจะทานความหนาวแห่งราตรีกาลนี้ได้อีกเช่นกัน ... ร่างกายของเราเริ่มสั่นๆด้วยความหนาวอีกครั้งเช่นเดียวกันกับ กาย ซึ่งกำลังพยายามกดน้ำหนักแรงกอดลงมาให้หนักขึ้น ซึ่งมันก็ช่วยได้เพียงครู่เดียว ..
คืนนี้เราจะรอดกันไหมเนี้ย ... แม้กายจะแนบกายเข้ามาแน่นเพียงใด แต่ก็ยังมิอาจจะบรรเทาความหนาวให้หายขาดได้เลย
แทบบางอย่างของเขา...ก็ยื่นออกมาผิดปกติซะด้วยสิ ...เอิ่ม...
ด้วยการที่กาย กอดเราแน่นอยู่ ช่วงล่างของเขาเลยติดแน่นกับสะโพกของเราด้วย ซึ่ง ... ไอ้นั่น ของเขามันดันแข็งตัวขึ้นแลตอนนี้มันกำลังกดแน่นอยู่ที่สะโพกเรา ... เอิ่ม เวลาแบบนี้ยังมีอารมณ์อีกหรือเนี้ย ... จะบอกเขายังไงดีนะ ...ว่า..ไอ้นั่นโด่แล้ว ช่วยทำอะไรซักอย่างให้มันเรียบร้อยทีได้ไหม ...
แต่จนแล้วจนรอด กาย ก็ไม่ได้พูดอะไร ราวกับว่ามันไม่ใช่เรื่องสำคัญ เขายังคงกอดเราแน่นไว้อย่างนั้นพร้อมทั้งสีช่วงล่างไปมา ...เอิ่ม...คุณคะ... จงใจหรือเปล่าเนี้ย... เอาไงดีเนี้ย เราเองก็ไม่กล้าพูดอะไรเหมือนกัน
และในขณะเดียวกัน ... เราเองก็เริ่มรู้สึก..แฉะ แล้วเช่นกัน .. ก็แหม เล่นแนบตัวกันชิดขนาดนี้ ใครบ้างจะไม่รู้สึก..สยิว...
กายย้ายมือขวาจากสะโพกมาไว้ที่หน้าท้องของเราก่อนที่จะลูบคลึงเบาๆ และสอดลอดเสื้อเข้ามา ...มือเย็นเฉียบจนสะท้านไปทั่วตัวเลยแหะ... กาย บีบหน้าท้องเราเบาๆ พร้อมทั้งเลื่อนขึ้นมาจับที่ ...
หน้าอก...ซึ่งมีบราลายลูกไม้ปกปิดอยู่...
ชัดเจนแล้วสินะ... จะประกาศสงครามกันจริงๆแล้วสินะ...ฮึ่มม..ไหนบอกกอดอย่างเดียว...หันไปโวยวายหน่อยดีกว่า...
กาย เอานิ้วขยี้หัวนมเราเบาๆผ่านเสื้อใน ...โวยไม่ออกเลย..แถมยังรู้สึกอุ่นขึ้นอีกต่างหาก ...ตอนนี้ร่างกายของเราไม่ได้สั่นไปด้วยความหนาวแล้ว หากแต่เป็นความเสียวเสียมากกว่า ... เล่นนมไม่นานก็ข้ามขั้นลงไปสำรวจข้างล่างทันที ..พอเราไม่โวยนี้เอาใหญ่เลยนะ ... กายล้วงมือเข้าไปในกางเกงยีนส์ของเรา ปลดตะขอออกเพื่อความสะดวกในการสอดมือ ...
ก่อนที่เขาจะลูบคลึงที่เป้าซึ่ง ...เปียกแฉะ... อยู่....และกระซิบข้างหูเราเบาๆ “เรามีถุงยางนะ...”
“…..อืม........” เราตอบเบาๆในลำคอ... คงไม่รอดแล้วล่ะมาถึงขนาดนี้แล้ว ก็ยังดีนะที่รู้จักพกถุงยางมาด้วย ..ว่าแต่..ปกติใครเขาพกถุงยางมาเที่ยวกันซะเนี้ย ...
กายถอดมือออกมาพร้อมทั้ง ถอดกางเกงของตัวเองออก จากนั้นก็ถอดกางเกงของเรา ... หนาวเลยนะเนี้ย ...
“แก...ท่าเดียวนะ.. เราจะไม่มองหน้ากันโอเคไหม..แกทำเราจากด้านข้างแบบนี้แหละ..ทำได้ใช่ไหม..” เรายื่นข้อตกลง...
กายนอนลงข้างๆ ยกขาขวาเราขึ้น ก่อนที่จะเสียบหัวตอร์ปิโดเข้ามาช้าๆ ... ซี้ดดดด...อุ่นจังแหะ..ท่อนเอ็นของเขา..
“อื้ม..” เราครางเบาๆในลำคอ...น้ำที่ไหลออกมาจากร่องเสียวของเราเพียงพอแล้วที่จะทำให้เซ็กส์ฉาบฉวยครั้งนี้ดำเนินต่อไปได้ ... กาย ดันแท่งเนื้อของตัวเองเข้ามาทั้งลำ ก่อนที่จะลงมานอนกอดเราไว้เหมือนตอนแรก ...
“ได้สิ...แก..แน่นมากเลยนะ...มีแฟนยังเนี้ย...” กายกระซิบถามพลางเสียบน้องชายเข้าออกช้าๆ
“ยัง...อื้มมมม.....แก...เบาๆนะ...เราไม่ได้...ทำนาน....อื้มมม...อา...แล้ว....”
ก็ประมาณ 3 ปี เห็นจะได้ล่ะมั้ง ที่เราไม่ได้มีอะไรกับผู้ชายเลย .... ก็เรามันคนบ้าเที่ยวบ้างานเขียน จะเอาเวลาไหนไปหาแฟนกันล่ะจริงไหม..
กาย ซุกหน้าลงมาที่หลังคอของเรา หายใจรดดังฮืดฮาด ก่อนที่จะเพิ่มความแรงในการกระแทกเอ็นเข้ามาเป็นจังหวะช้าๆ..
“อุ๊บบ...อ๊า....ซี้ดดดดดด....ซี้ดดดด...อื้มมมมม....อุ่นจังเลยแก.....ซี้ดดดด....อื้มมมมมม.....” เราครางรับกลับเมื่อสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากท่อนเอ็นที่กระแทกเข้ามาทั้งดุ้น ... เริ่มมีเหงื่อออกนิดๆ ความหนาวเริ่มกลายเป็นเรื่องรองเมื่อความเสียวเข้าแทรก ...
“กาย...จะเล่นนมเรา..ก็ได้นะ...” เราบอกกาย เพราะอยากจะเสียวมากกว่านี้ ...ชายหนุ่มไม่ขัดศรัทธา จัดการสอดมือเข้ามาในเสื้อ..ปลดตะขอ ดึงเสื้อในออก ก่อนที่จะเค้นคลึงเต้านมของเราอย่างเมามันส์ ...พลางใช้นิ้วขยี้หัวนมแข็งเปล่งเล่นไปด้วยทุกขณะ...ซี้ดดด..อ๊า...เสียวสุดๆไปเลย....อ๊า...หนาวๆแบบนี้มันต้องทำแบบนี้กันแหละ ถึงจะแก้หนาวได้...
“เบล...จูบกันป่ะ...”
คำขอนี้ของ กาย เรียกสติเรากลับมาทันที ...เกือบหลวมตัวแล้วไง ...
“แก.อ๊า..เราบอก..แล้วไง..อื้มมม...ว่าทำ...ท่านี้...อย่างเดียว...พอ...ซี้ดดดดดด....อื้มมมม....อื้มมม...นะแก...”
“ได้เลยแก...ไม่..มี..ปัญ..หา...”
กายไม่ดื้อดึง แถมกระแทกเอวเข้ามาอย่างหนักหน่วงทำเอาเราตัวเด้งไปข้างหน้าเลย ...
“มีเพื่อนนมใหญ่น่าเย็ดขนาดนี้...เราปล่อยให้รอดสายตาไปได้ไงนะ...” กายกระซิบข้างหูเรา .. ได้ยินคำแบบนี้แล้วรู้สึกมีอารมณ์มากกว่าเดิมอีกแหะ ... เราไม่ตอบอะไร..ก้มหน้าแล้วครางเบาๆต่อไปให้เขารู้ว่าเราเสียวนะ
“อ๊า...อ๊า.อื้มมมมอ๊างงงง...อื้มมมมมม กายย...ซี้ดดดดดดด.....” ท่อนเนื้ออุ่นๆของกายที่กระแทกเข้ากระแทกออกนั้นทำให้ร่างกายของเราอบอุ่นขึ้นอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นความเร่าร้อน ..ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แต่ว่าตอนนี้เอวของเราขยับร่อนตามจังหวะไปด้วยนิดหนึ่งแล้ว ...ส่วนมือเราที่ว่างอยู่ก็เขี่ยเม็ดเสียวของตัวเองเป็นการช่วยตัวเองเร่งให้เสร็จตามไปด้วย
“กายยยยย...เราไม่ไหวแล้ววว...จะถึงแล้วว....โอ๊ยยยยย..ซี้ดดดดดดดดดดด...กายยยยย......”
เราเขี่ยเม็ดของตัวเองอย่างรวดเร็ว จนในที่สุด ...เอวของเราก็กระตุกขึ้น ภายในร่องบีบตัวแน่นในขณะที่กายกำลังซอยให้อยู่ ... ชายหนุ่มไม่อาจจะทานแรงบีบตัวนี้ได้ ...เขาจึงถึงจุดสุดยอดในเวลาต่อมา ....
พรวด!!!... น้ำอุ่นๆของกาย พุ่งออกมาจากแท่งอุ่นๆซึ่งกำลังบวมเปล่งจากการปล่อยคราบสงคราม ...กายแช่ของเขาค้างเอาไว้พร้อมทั้งปล่อยน้ำออกมาจนเต็มร่องเสียวของเรา ....อุ่นดีจังเลย ... ห้า...สบายตัวจัง... ทั้งอุ่นทั้งเสียว...
แต่เดี๋ยวก่อน!!!!.... ไหนมันบอกมีถุงยางไงฟร่ะ!? .. แล้วไหงมันถึงได้อุ่นในขนาดนี้ล่ะ?...
“แก..”
“อ่อ...เมื่อกี้เราไม่ได้ใส่ถุงยางน่ะ ...โทษทีๆ..แบบนี้ดีกว่าใช่ไหมล่ะ..แกไม่ต้องกลัวนะเรามียาคุม...”
อะไรจะเตรียมพร้อมปานนั้น ...ใจหนึ่งก็โกรธแต่อีกใจก็คิดว่าโกรธไปก็ไม่ได้อะไรคืนกลับมา ... อย่างน้อยๆคืนนี้ กาย ก็มอบความสุขให้เราหลายอย่างแล้วนะ ทั้งที่ซุกหัวนอน..แล้วก็การทำให้ร่างกายอบอุ่น ...
เพราะฉะนั้นก็เงียบๆไว้แล้วนอนให้หลับดีกว่า ...
กายชักดุ้นออกมาพร้อมทั้งใส่กางเกงในและกางเกงยีนส์ให้เรา ส่วนเสื้อในนั้นเขาไม่ได้ใส่กลับให้เราเป็นใส่กลับเอง – ก่อนที่ กาย จะเอายาคุมและน้ำมาให้เราทาน แล้วก็นอนกอดเราแบบเดิม.. มอบความอบอุ่นให้กันจนไปถึงเช้ามืด โดยที่ไม่มีใครพูดอะไรกันอีกเลย ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น